ไม้เทพทาโร คืออะไร..เรามารู้จักกันก่อนสักนิดดีไหมครับ..
ไม้เทพทาโร หรือไม้เทพเจ้าแห่งสายน้ำ เป็นไม้สมุนไพรไทย เชื่อกันว่าเป็นไม้มงคล เป็นสัญลักษณ์แห่งความร่มเย็น ควรคู่แก่การมีไว้ประดับบ้านเรือน
ไม้เทพทาโร มีชื่อสามัญไทยว่า “จวงหอม” “จะไค้หอม” “จะไค้” ชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Cinnarnomum Porrectum Kosterm วงศ์ Lauraceae เทพทาโรเป็นต้นไม้สูง ๑๐-๓๐ เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มทึบ กิ่งออ่นเกลี้ยง และมักจะมีคราบขาว เปลือกสีเทาอมเขียว หรือสีน้ำตาลคล้ำแตกเป็นร่องตามยาว ลำต้นใบเดี่ยวออกเรียงตรงข้ามกัน แผ่นใบรูปรีแกมรูปไข่ ยาว ๗-๑๐ ซม. ดอกสีขาว หรือเหลืองอ่อน ออกเป็นช่อ เป็นกระจุกตามปลายกิ่ง ผลกลมเล็ก สีเขียว พบมากในภาคใต้
การใช้ประโยชน์
มีปรากฏหลักฐานการใช้ประโยชน์ของไม้เทพทาโร หรือจวงหอมมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยดังปรากฏในไตรภูมิพระร่วง พ.ศ. ๑๘๘๘ กล่าวถึงการบูชาจักรรัตนะ ผู้คนจะแต่งตัว “ทากระแจงจวงจันทร์น้ำหอมและนำเอาข้าวตอกแลดอกไม้บุปผชาติ เทียนและธูปวาสวาลาและกระแจะจวงจันทน์น้ำมันหอม มาไว้มานพคำรพวันหนา การบูชาแก่กงจักรแล้วนั้น”
ในสมัยโบราณ เทพทาโรใช้ทำเครื่องหอม ประทินผิว ธูปหอม ใช้ในพิธีกรรมทางศาสนา ในชนบท เทพทาโรยังมีประโยชน์ทางยา ในเปลือกมีน้ำมันระเหย ใบมีกลิ่นหอมใช้เป็นเครื่องเทศ และเนื้อไม้มีกลิ่นหอมใช้ในการก่อสร้าง เครื่องเรือน ของใช้ เชื่อว่าป้องกันตัวเรือด ตัวไร มอด แมลงต่างๆ
ปัจจุบันไม้เทพทาโรนำมาใช้ประโยชน์ในงานแกะสลักทำประดิฐ กรรมต่างๆ และส่งเสริมให้กลายเป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อของอำเภอ ห้วยยอด จังหวัดตรัง
ข้อมูลพื้นฐานของไม้เทพทาโร
1. ชื่อพันธุ์ไม้ เทพทาโร
2. ชื่อสามัญ(ไทย) จวง จวงหอม (ภาคใต้) จะไค้ต้น จะไค้หอม (ภาคเหนือ) ตะไคร้ต้น (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)
เทพทาโร(ภาคกลาง จันทบุรี สุราษฎร์ธานี) พลูต้นขาว(เชียงใหม่) มือแดกะมางิง(มาเลเซีย ปัตตานี) การบูร (หนองคาย) (บาลี) เทวทารุ นารท (อังกฤษ) Citronella laurel, True laurel.
3. ชื่อวิทยาศาสตร์ Cinnamomum porrectum (Roxb.)Kosterm. และมีชื่อพ้องทางวิทยาศาสตร์ คือ
Cinnamomum parthenoxylon Meissn. และ Cinnamomum glanduliferum Nees
4. ชื่อวงศ์ Lauraceae (Laurel)
5. การกระจายพันธุ์ตามธรรมชาติ
เทพทาโร เป็นพันธุ์ไม้พระราชทานที่สมเด็จพระนางเจ้า ฯพระบรมราชินีนาถได้ทรงโปรดพระราชทานกล้าไม้มงคลให้กับจังหวัดพังงาเพื่อนําไปปลูกเป็นสิริมงคลมีเขตการกระจายพันธุ์แถบเอเชียเขตร้ อน นับตั้งแต่เทือกเขาตะนาวศรีในพม่า ไทย มลายู จนถึงแถบคาบสมุทรอินโดจีนและสุมาตรา ไม้ชนิดนี้ชอบขึ้นบนพื้นที่สูง มีลักษณะคล้ายกับ C. neesianum Meissn ซึ่งเป็นไม้ที่พบการกระจายพันธุ์อยู่แถบจีนตอนใต้และตังเกี๋ย ในประเทศไทยจะพบเทพทาโรขึ้นอยู่ห่างๆกันบนเขาในป่าดงดิบทั่วประเทศ แต่จะพบมากที่สุดทางภาคใต้ เทพทาโรเป็นไม้พื้นเมืองที่เก่าแก่ของไทย พบหลักฐานการอ้างถึงครั้งแรกในสมัยสุโขทัย ดังปรากฏในไตรภูมิพระร่วง เมื่อ พ.ศ. 1888 กล่าวถึงพรรณพืชหอม ใน อุตตรกุรุทวีป จะประกอบด้วย จวง จันทน์ กฤษณา คันธา เป็นต้ น
ลักษณะเนื้อไม้ มีสีเทาแกมน้ําตาล มีกลุ่มหอมฉุน มีริ้วสีเขียวแกมเหลือง เนื้อไม้
เป็นมันเลื่อม เสี้ยนตรง หรือสับสน เป็นคลื่นบ้างเล็กน้อย เหนียว แข็ง
พอประมาณ เลื่อย ไส้กบ ตบแต่งง่าย (กรมป่าไม้, 2486)
สารส าคัญในเนื้อไม้
จะพบ d - camphor ที่ใช้แทน sassafras ได้ดีให้น้ํามันที่มีสารหอม คือ safrol และ cinnamic aldehyde และยังพบ safrol ในเปลือก ต้นและใบ(ลีนา, 2537)
การขยายพันธุ์
การขยายพันธุ์ไม้เทพทาโรที่นิยมปฏิบัติกันคือ การขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและการปักชํา
การปลูก การเจริญเติบโต และการปรับปรุงพันธุ์
ต้นเทพทาโรเป็นไม้หอมที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ จึงสมควรที่จะปลูกสร้างสวนป่าไม้เทพทาโรขึ้นในที่ที่มีความชุ่มชื่นเพียงพอ เพราะเทพทาโรจะชอบขึ้นอยู่บนเขาในป่าดงดิบ พบมากที่สุดทางภาคใต้ อาจจะปลูกใต้ร่มไม้อื่นหรือปลูก เป็นไม้แซมสวนป่า น่าจะเจริ ญเติบโตดีกว่าปลูกเป็นไม้เบิกนําในที่โล่งแจ้ง
วนวัฒนวิธีและการจัดการ
เมื่อได้ต้นกล้าของเทพทาโรมาแล้ว ควรปลูกระยะห่างต้นละ 5 เมตร อาจปลูกแซมสวนป่า หรือปลูกพืชจําพวก
กล้วยน้ําว้า เป็นพืชพี่เลี้ยงแซมลงไปเพื่อให้มีรายได้ในช่วง 2 - 3 ปีแรก การใส่ปุ๋ยทําเช่นเดียวกับไม้ยืนต้นทั่วไป
การใช้ประโยชน์
ปรากฏหลักฐานการใช้ประโยชน์ของเทพทาโรหรื อจวงหอมมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยดังปรากฏในไตรภูมิพระร่วง
พ.ศ. 1888 กล่าวถึงการบูชาจักรรัตนะ ผู้คนจะแต่งตัว ทากระแจะจวงจันทน์ น้ําหอมและนําเอา “ ข้าวตอกแลดอกไม้
บุปผชาติเทียนแลธูปวาสะชวาลาแลกระแจะจวงจันทน์น้ํามันหอม มาไว้มานบคํารพวันทนาการบูชาแก่กงจักรแก้วนั้น”หรือในตอนกล่าวถึงแผ่นดิ น อุตตรกุรุทวีป มักจะใช้กระแจจวงจันทน์ตกแต่งศพ ดังความว่า “ เขาจิงเอาศพนั้นอาบน้ําแล แต่งแง่ หากระแจะแลจวงจันทน์ น้ํามันอันหอม แลนุ่งผ้าห่มผ้าให้ ” หรือตอนพระญาจักรพรรดิราชสวรรคต ก็จะ“ ชโลม ด้วยกระแจจวงจันทน์ และจิงเอาผ้าขาวอันเนื้อละเอียดนั้น มาตราสังศพพระญาจักรพรรดิราชนั้น” ตอนกล่าวถึงการบูชา พระญาจักรพรรดิราช พระนามพระญาศรีธรรมาโศกราช พรรณนาว่า “นาคราชลางจําพวกเอากระแจะจวงจันทน์คันธรส อันประเสริฐอันดีมาถวายทุกเมื่อ” หรือพระญาศรีธรรมาโศกราชก็จะ “ บูชาพระสงฆ์เจ้าด้วยธูปแลเทียนข้าวตอกดอกไม้ แลกระแจะจวงจั นทน์ทั้งหลาย ”
ตอนพรรณนาดาวดึงส์สวรรค์ของพระอินทร์ กล่าวว่า “ หอมกระแจะจวงจันทน์อีกพรรณดอกไม้อันขจรทุก
แห่ง แต่งพัดเข้าเร้าเถิงพระอิ นทร์หอมฟุ้งทุกแห่ง พระอินทร์จิงไปเหล้นที่สวนนั้นสนุกนิ์นัก” และได้กล่าวถึงเทพยดาคือ คนธัพพเทวบุตรตกแต่งอาภรณ์ด้วยแก้วแหวนเงินทองและทาตัวด้วยกระแจะแลจวงจั นทน์ ดังได้พรรณนาไว้ว่า “ อันว่า กระแจะแลจวงจั นทน์อั นเทพยดาทาตัวนั้น ถ้าแลว่าจะขูดออกใส่ตุ่มแลไหได้ 9 ตุ่มแล ”
ความนิยมในเครื่องหอมกระแจจวงจันทน์ มีสืบเนื่องมาถึ งสมัยอยุธยาตอนต้ นดังปรากฏในกฎหมายพิสูจน์ดําน้ํา ลุยเพลิง พ.ศ. 1899 สมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (อู่ทอง) ว่า “น้ํามันกระแจะจวงจันทน์” และมีการกล่าวถึงต่อมาใน มหาชาติคําหวง สมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถเมื่อ พ.ศ. 2025 ดังกล่าวไว้ในกัณฑ์มหาพนว่า “กรักขีพงเทพทารู ก็มี ”
ในสมัยอยุธยาตอนกลาง ตําราพระโอสถสมัยพระนารายณ์ พ.ศ. 2202 กล่าวถึงการใช้ประโยชน์ของเทพทาโร
ในทางยาว่า เป็นยาจําเริญพระธาตุ ดังนี้คือ “จําเริ ญพระธาตุ ให้เอาใบรักแห้ง บอระเพ็ดแห้ง แห้วหมู ดอกชรากากี ผลมะตูมอ่อน รากมะตูม โกฐหัวบัว เทพทาโร สมอเทศ เทียนแดง เชือกเขาพรวน ขิงแห้ง ดีปลี กระเทียมทอก ราก
ชะพลู เกลือสินเธาว์ เสมอภาค ทําเป็นจุณ บดด้วยน้ําผึ้งรวง น้ําสุรา ระคนกันเป็นลูกกอน เสวยหนักสลึง 1 แก้พระ
วาตะ เสมหะ โลหิตกําเริบอั นทุพล แก้พระเส้นอันทพฤก อันกระด้างตึงแต่พระชงฆ์ขึ้นไป ตราบเท่าถึงบั้นพระองค์ ให้พระเส้นนั้นอ่อน ให้เสวยพระกระยาหารเสวยได้ ให้จําเริ ญพระสกลธาตุเป็นอั นยิ่ง ข้าพระพุทธเจ้าออกขุนทิพจักร ประกอบทูลเกล้าฯ ถวาย ”
หนังสือไม้เทศเมืองไทย กล่าวถึงประโยชน์ทางยาของเทพทาโรไว้ว่า ตามชนบทต่าง ๆ ใช้ปรุงเป็นยาหอม
แก้ลมจุกเสียดแน่น แน่นเฟ้อ แก้อาการปวดท้อง ขับผายลมได้ดี ขับลมในลําไส้และกระเพาะอาหาร ให้เรอ เป็นยาบํารุงธาตุ ในเปลือกมีน้ํามันระเหย 1 ถึง 2% และแทนนิน นอกจากนั้นยังกล่าวถึงประโยชน์อย่างอื่นของเทพทาโร คือ เนื้ อไม้ สีขาว จะมีกลิ่นหอมฉุนเหมือนกลิ่นการบูร อาจกลั่นเอาน้ํามันระเหยออกจากเนื้อไม้นี้ได้ และอาจดัดแปลงทางเคมีให้เป็น การบูรได้ ส่วนใบมีกลิ่นหอม ใช้เป็นเครื่องเทศ ตามร้านขายสมุนไพรในประเทศไทย จะใช้ใบเทพทาโรแทนใบ กระวาน สําหรับใส่เครื่องแกงสะระหมั่น ส่วนใบกระวานจริง ๆ ที่มีลักษณะเหมือนใบข่า จะไม่นิยมใช้กัน (จากหนังสือ สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด โดยเภสัชกรหญิงสุนทรี สิงหบุตรา) ตามหนังสือไม้เทศเมืองไทยยังระบุว่าต้นเทพทาโร มีมากทางภาคเหนือ ชาวพายัพเรียกว่าปูต้นหรือไม้การบูร แต่อาจมีทางกาญจนบุรีบ้าง (เสงี่ยม, 2519)
ส่วนเมล็ดของเทพทาโร จะให้น้ํามัน ใช้เป็นยาทาถูนวด แก้ปวด รูมาติซึ่ม (ลีนา, 2537) เปลือกเป็นยาบํารุงธาตุ
อย่างดี โดยเฉพาะสําหรับหญิ งสาวรุ่น ต้มกินแก้เสียดท้อง ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ ประโยชน์อย่างอื่นของเทพทาโร คือ ไม้ ใช้ในการแกะสลักบางอย่าง ทําเตียงนอน ทําตู้ และหีบใส่เสื้อผ้าที่กัน
มอดและแมลงอื่น ๆ ได้ ทําเครื่องเรื อนและไม้บุผนังที่สวยงาม ทําแจวพาย กรรเชียง กระเบื้องไม้ เป็นต้น (กรมป่าไม้, 2486)
การใช้ประโยชน์ไม้เทพทาโรในเชิงเศรษฐกิจ
ปัจจุบัน ต้นเทพทาโรกลับมีจํานวนลดลง ถูกโค่นทิ้งเป็นจํานวนมาก เนื่องจากมีการขยายพื้นที่เพาะปลูกยางพารา ปาล์มน้ํามัน และพืชเศรษฐกิจอื่นๆ เพิ่มขึ้น เหลือเพียงตอและรากของต้นเทพทาโรที่ฝังอยู่ในดิน ซึ่งส่วนที่เหลือเหล่านี้อาจจะดูไร้ค่าในสายตาของคนทั่วไปที่พบเห็น แต่ สําหรับชาวบ้านในตําบลเขากอบ อําเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ได้เล็งเห็นคุณค่าของพืชท้ องถิ่นชนิดนี้ ด้วยการนํารากไม้เทพทาโรมาแกะสลักเป็นผลิตภัณฑ์สําหรับตกแต่งบ้าน และเป็นสินค้าที่ระลึก ด้วยฝีมือที่ประณีต สะท้อนเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ทําให้ผลิตภัณฑ์จากไม้เทพทาโรสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดตรังเป็นอย่างมาก สําหรับกลุ่มหัตถกรรมการแกะสลักไม้เทพทาโรที่มีชื่อเสียงในจังหวัดตรัง ได้แก่ กลุ่มเยาวชน ต่อต้านยาเสพติด ตําบลเขากอบ อําเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง และยังได้รับการคัดสรรเป็นสินค้าหนึ่งตําบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ประเภทศิลปะประดิษฐ์และของที่ระลึก ระดับ 4 ดาวของจังหวัดตรังอีกด้วย
ไม้เทพทาโร เรียกตามภาษาท้องถิ่นว่า "ไม้จวงหอม" เป็นไม้ป่าชนิดหนึ่งซึ่งมีอยู่ทั่วไปตามเชิงควน
ในอดีตมีคุณสมบัติพิเศษคือ กลิ่นหอม ปัจจุบันนี้มีเพียงซากไม้ฝังดินอยู่ในบริ เวณสวนยางพารา ที่พบมากได้แก่บริเวณ ตําบลหนองปรือ อ.รัษฎา จ.ตรัง และบริเวณใกล้เคียง สรรพคุณและคุณประโยชน์ อดีตชาวบ้านมักตัดไม้มาแปรรูปสร้าง บ้าน สามารถป้องกันตั วเรือด ตัวไร มด มอด ปลวก และแมลงต่างๆ ได้ หรือทําหมอนรถไฟ แกะพระพุทธรูป นอกจากนี้ ยังเป็นพืชสมุนไพร เปลือกและเนื้อไม้ต้มกินแก้ลม อาเจียนลงท้อง ท้องร่วง อหิวาต์ ไข้ป่า ยอดอ่อนทําผักจิ้ม ช่วยระบายอีกด้วย.
ที่มา :
http://www.phangngaplantseedling.go.th/taeptaro.pdf
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
หน้าที่เข้าชม | 66,624 ครั้ง |
เปิดร้าน | 22 เม.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 27 ส.ค. 2568 |